เงินช่วยเหลือ(เงินกู้)งวดแรกนี้มีมูลค่าแปดหมื่นหกพันล้านยูโร (86,000,000,000
ล้าน) หรือประมาณ เก้าหมื่นล้านดอลลาร์
ที่ต้องนำมาใช้จ่ายอย่างเข้มงวดในรูปแบบของการ”ปฏิรูป”
ซึ่งบงการโดยกลุ่มทรอยก้า (Troika คือวิธีเทียมม้าแบบรัสเซียที่ใช้ม้าเทียม
3 ตัว ในที่นี้นำมาเปรียบเทียบกับเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป .
สมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจยุโรป . และสถาบันการเงิน ไอ.เอ็ม.เอฟ) หลังจากมีการอภิปรายกันอย่างเผ็ดร้อนในรัฐสภา รัฐบาลกรีกยอมรับการแปรรูปวิสาหกิจขนาดใหญ่(คือการทำทรัพย์สินของรัฐให้เป็นของเอก
ชน) มาตรการเพิ่มภาษี
ทุกๆคนในกรีซรู้ดีถึงนโยบาย
และการตัดลด(cuts)เพื่อเป็นการประหยัด มันบ่งบอกถึงการละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ซีปราสได้เคยสัญญากับประชาชนของกรีซเมื่อเขาได้รับเลือกตั้งในวันที่
25 มกราคม ศกนี้ไปจนหมดสิ้น
การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมกราคมประชาชนได้เลือกพรรคซีรีซาเป็นรัฐบาลรัฐบาล ที่ได้ให้สัญญาว่าจะยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดทั้งมวล ถ้าคุณยอมรับในข้อจำกัดของระบอบทุนนิยม ก็ต้องยอมรับในกฎกฎเกณฑ์ของมันด้วย นั่นหมายความว่าคุณต้องการบริหารจัดการวิกฤติของระบอบทุนนิยม
สิ่งที่
ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือใช้มาตรการประหยัดสำหรับชนชั้นกรรมกร ในขณะเดียวกันก็หยิบยื่นผลประ
โยชน์ก้อนมหึมาซึ่งเป็นเงินของส่วนรวมให้แก่บรรดานายธนาคารและชนชั้นนายทุน
เหตุผลที่ซีปราสเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วก็เพราะเขาหวังว่าจะมีเวลาไม่เพียงพอสำหรับพรรคใหม่(ที่แยกออกไป) ซึ่งก่อตั้งโดยผู้นำปีกซ้าย พานาจิโอติส ลาฟาซานิส ที่ยังไม่มีความพร้อม และไม่มีความชัดเจนพอว่าจะได้ผู้สนับสนุนพรรคเอกภาพประชาชนของเขาจากพรรคซีรีซาสักกี่คน ที่แน่ นอนก็คือ ลาฟาซานิส จะได้ใจประชาชนจำนวนไม่น้อยที่โกรธแค้นซีปราส
มีเพียงหนทางเดียวที่ประชาชนชาวกรีกจะสามารถควบคุมชะตากรรมให้กลับมาอยู่ในมือของตนได้ก็คือการขจัดอำนาจเผด็จการของบรรดานายธนาคารและนายทุนทั้งหลาย ไม่เพียงแต่ในเบอร์ลิน หรือ ในบรัสเซล เท่านั้นต้องในเอเธนส์อีกด้วย มีความจำเป็นที่จะต้องยึดทรัพย์สินของบรรดานายธนาคาร ผู้มีอิทธิพล และพวกอภิสิทธิ์ชนกาฝากที่เป็นผู้ปกครองกรีซตัวจริง มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่การวาง
แผนเศรษฐกิจอย่างสมเหตุสมผลจึงพอจะมีทางเป็นไปได้ ในการขจัดการว่างงาน
การไม่มีที่อยู่อาศัยและการสร้างรากฐานที่เป็นธรรมและสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นมา
เมื่อวิเคราะห์ให้ถึงที่สุดแล้ว
ชนชั้นนายทุนกรีกและยุโรปจะเรียกร้องให้ยุติในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น ”ความวุ่นวาย” และพวกเขาจะพูดว่า : “มีการนัดหยุดงานมากเกินไป... มีการเดินขบวนและประท้วงบนถนนมากเกินไป เราเรียกร้องกฎระเบียบ “ ฝ่ายซ้ายไม่มีทางออก....ในที่สุดก็จะเป็นการปูทางไปสู่ระบอบวีรบุรุษในกรีซ
แม้ว่าระบอบที่ว่านี้จะไม่มีความมั่นคงก็ตาม
มันไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างและก็มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ได้ไม่ตลอด มีเพียงทางเดียวคือเตรียมการและยกระดับไปสู่การปฏิวัติที่ใหญ่ขึ้น เหมือนที่เราเห็นเมื่อปี 1974 ชนชั้นกรรมกรกรีกนั้นมีความมีธรรมเนียมการปฏิวัติที่ฝังอยู่ในความทรงจำมาช้านาน ขอให้เราลองย้อนไปถึงกลุ่มปกครองที่ครองอำนาจต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี
1967 จนถึง 1974 แต่ต้องถูกโค่นลงด้วยการปฏิวัติ
วิกฤตยุโรป
วิกฤตของยุโรปนั้นถูกเผยออกมาให้เห็นถึงรูปแบบที่แข็งทื่อในประเทศทุนนิยมที่อ่อนแอเช่น
เสปน
โปรตุเกส และกรีซที่กระบวนการของมันได้ดำเนินไปไกลกว่าที่อื่นๆ
แต่ในเสปนนั้นได้ก้าวล้ำหน้ากรีซไปแล้วก้าวหนึ่ง ความฝันในการรวมเป็นหนึ่งเดียวของชนชั้นนายทุนยุโรปกำลังแตกสลายบนหลักการประหยัด
มากกว่า 20
ปี ที่เราได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ ในการรวมระบบเศรษฐกิจที่ดำเนินไปในทิศทางที่ต่างกัน
บนพื้นฐานของการเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจลักษณะภายนอกของมันยังดำรงความเป็นเอกภาพ
เอาไว้ได้ แต่บนพื้นฐานของวิกฤตเศรษฐกิจความเป็นปรปักษ์เดิมๆในระดับชาติจะเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
แรงเหวี่ยงจากศูนย์กลางที่ทรงพลังทางเศรษฐกิจก็เริ่มจะมีการแตกตัว และพลังที่ว่านี้จะเติบใหญ่ขึ้นตลอดเวลา
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจกรีกรู้สึกว่าจะไปไกลเกินกว่าขอบเขตภายในประเทศ ทั่วทั้งยุโรปจะ
เกิดความหวั่นไหวไปกับนโยบายรัดเข็มขัดนี้ที่ไม่ใช่จะใช้แก้ไขปัญหาเพียงชั่วคราว แต่มันจะลุกลามไปถึงมาตรฐานการครองชีพอีกด้วย ในประเทศเช่นกรีซ โปรตุเกส และไอร์แลนด์นโยบายนี้มีผลในการตัดลดค่าจ้างและบำนาญไปเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีการแก้ปัญหาการขาดดุล ดังนั้นมันจึงเป็นความความล้มเหลวที่เกิดขึ้นบนความเจ็บปวดและความคับแค้นของประชาชน ทุกหนทุกแห่งคนจนยิ่งจนลงไปอีก ในขณะที่คนรวยกลับรวยมากขึ้น
ในการเจรจากับกรีซ
เยอรมันทำตัวเหมือนกับว่าเป็นผู้ควบคุมวงวงดนตรีที่บงการไปเสียทุกเรื่อง ส่วน นายทุนฝรั่งเศสก็เป็นประหนึ่งเจ้าทฤษฎีคนที่สองของยุโรป
ที่ผงกหัวเห็นด้วยอย่างนอบน้อมเมื่อนาง
แมร์เคล บอกปัดและโต้แย้งอย่างไม่ยี่หระกับข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด
สิ่งที่เราได้เห็นก็คือความอำมหิตที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากที่ยิ้มแย้มของ
”ความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรป” การปฏิบัติของพวกเขาต่อกรีซนั้น ชนชั้นนายทุนเยอรมันได้แสดงความกรุณาของเจ้าหนี้ที่สามานย์ที่สุดออกมา “ถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายหนี้ ก็ขายเครื่องเรือนมาชดใช้สิ! อ้อ...ขายเครื่องเรือนแล้วรึ งั้นก็เฉดหัวออกไปอยู่กลางถนนโน่น”
วิกฤตของระบอบปฏิรูป
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่
2 พรรคแรงงานและพรรคสังคมประชาธิปไตยได้นำเอาวิธีปฎิรูปมาใช้หลายครั้ง พรรคเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนในระดับที่น่าพอใจทำให้มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง แต่ช่วงเวลาเช่นนั้นได้จบลงไปแล้ว ระบอบทุนนิยมได้ถลำลึกลงไปในห้วงวิกฤต ทำให้ชนชั้นนายทุนไม่สามารถอดทนต่อวิกฤตที่ต่อเนื่องอย่างที่เคยเป็นมาเช่นในอดีตอีกแล้ว จึงจำยอมให้มีการปฏิรูปขึ้น
วิกฤติของระบอบทุนนิยมก็มีลักษณะเดียวกันกับระบอบปฏิรูป ลักษณะประชาธิปไตยของชนชั้นนาย ทุนไม่เคยเป็นจริง
และกำลังถูกเปิดโปงขึ้นในความรู้สึกนึกคิดของผู้คนนับล้านๆคนในเหตุการณ์ปัจจุบัน จะมีคุณค่าอะไรสำหรับการลงประชามติและการเลือกตั้ง ถ้าผู้มีอำนาจและบรรดานายธนาคารทั้งหลายไม่ได้ให้ความสนใจและเป็นผู้ตัดสินใจในท้ายที่สุด ความว่างเปล่าและภาพลวงตาที่แสนสวยของลัทธิปฏิรูปและสังคมประชาธิปไตยได้ถูกเปิดโปงออกมาอย่างล่อนจ้อนไปทั่วทั้งทวีป กระบวนการเช่นนี้ได้ถูกเร่งให้เร็วขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศต่างๆในช่วงเวลาเดียวกันนี้
การขึ้นลงของพรรคและเหล่าผู้นำนั้นเปรียบเสมือนบารอมิเตอร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเคลื่อนที่และความนิยมของมวลชนได้อย่างรวดเร็ว
บางทีก็กินเวลานับสิบปีสำหรับพรรคๆหนึ่งที่จะสูญเสียฐานมวลชน
แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันมันใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหรือไม่กี่เดือน เหมือนอย่างคราวที่พรรคซีรีซาตั้งขึ้นใหม่และได้ก้าวเข้ามาแทนพรรค
Pasok อย่างรวดเร็ว
แต่ครั้งนี้พรรคที่ตั้งใหม่อาจได้รับความนิยมหรือตกต่ำได้อย่างรวดเร็ว
แต่องค์กรจัดตั้งมวลชนนั้นอยู่ได้เป็นทศวรรษหรือชั่วอายุคน เคยอยู่ในวิกฤติ แตกแยก หรือไม่ก็สูญสลายไป
มาถึงบัดนี้ พรรคPasok คือพรรคหลักของชนชั้นกรรมกรกรีก
มันได้ถูกทำลายไปเนื่องจากผลพวงของการทรยศ ผลก็คือพรรค Pasok
ต้องประสบกับหายนะในขณะที่พรรคไซรีซาได้รับความนิยมแต่ก็เร็วเหลือเกินที่พรรคซีรีซากำลังตกอยู่ในห้วงวิกฤต ความผุพังเสื่อมถอยของพรรคสังคมนิยมและพรรคคอมมิวนิสต์ได้นำไปสู่ความรุ่งโรจน์ของพรรคซีรีซาและพรรคโพเดมอส การมองหาทางออกจากวิกฤตของมวลชนได้ทดสอบพรรคการเมืองต่างๆพรรคแล้วพรรคเล่า บรรดาผู้นำรุ่นเก่าและนโยบายต่างๆได้รับการวิเคราะห์และถูกโยนทิ้งไป แต่กรีซก็ยังแสดงออกในทางกลับกัน
ถ้าพวกเขาไม่แยกทางกับระบอบทุนนิยมและรับเอานโยบายแบบสังคมนิยมแล้ว พวกเขาจะล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นธรรมชาติของช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในยุคปัจจุบัน
ในเสปนเราได้เห็นการเกิดขึ้นของพรรค
โพเดมอส
ในสหราชอาณาจักรเราได้เห็นปรากฏการณ์ คอร์ไบน์ (Corbyn phenomenon)
ทั้งหมดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างลึกซึ้งของสังคมในการแสวงหาทางการเมือง
และเรายังได้เห็นกระบวนการพื้นฐานเช่นนี้ในหลายๆประเทศ
มวลชนมีความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกจากฝันร้าย พวกเขาเลือกพรรคการเมืองและผู้นำครั้งแล้วครั้งเล่าและทิ้ง
คนเหล่านั้นลงถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ไปคนแล้วคนเล่าเช่นกัน นั่นหมายถึงความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้นต่อผู้นำทางการเมือง
การต่อต้านคนร่ำรวยที่มีอำนาจละอภิสิทธิ์ก็ดี ปฏิกิริยาต่อต้านสถานภาพเหล่านี้ก็ดี เป็นพัฒนาการของเมล็ดพืชที่มีหน่ออ่อนของการปฏิวัติ ที่ไปไกลกว่าเรื่องการปรับปรุงทางเศรษฐกิจ
จำนวนประชาชนที่ไม่เชื่อต่อคำมั่นสัญญาของบรรดานักการเมืองเพิ่มมากขึ้น ที่แท้แล้วมันเป็นแค่สิ่ง ลวงตาที่พรรคการเมืองทั่วๆไปได้สร้างขึ้นมา พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกเหล่านั้นได้ทรยศต่อความความหวังของประชาชนโดยดำเนินการ”ตัดลด”ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสัญญา ทำให้พวกเขาต้องหมดความเชื่อถือไปอย่างรวดเร็ว ผู้นำทางการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะดูเหมือนว่าจะยืนหยัดเพื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องจบลงด้วยความดูหมิ่นเกลียดชังเมื่อพวกเขาดำเนินนโยบายที่น่าอดสูเช่นเดียวกับที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับ ซีปราส ซึ่งเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในเวลานี้
คำพูดอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักลัทธิมาร์กซทั้งหลาย “สถานการณ์ปัจจุบันได้หยิบยื่นสิ่งที่เป็นไปได้แก่ผู้ที่เตรียมจะหยิบฉวย
แต่ความเป็นไปได้ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นจะเปิดโอกาสให้ในช่วงที่พายุและความตึงเครียดได้ผ่านไปแล้ว” วิกฤตนี้ไม่ธรรมดา..เป็นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงที่แหลมคมและมีนัยต่อจิตสำนึก ในโอกาสที่ซ้ำซากเช่นนี้ความคิดที่ยังยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ในอดีต
จะเป็นอันตรายต่อแนวโน้มในการปฏิวัติ
เราต้องเรียนรู้ที่จะคาดคะเนในสิ่งที่ไม่อาจคาดคะเนได้
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและแหลมคมในสถานการณ์อันเป็นรูปธรรมนี้ เรียกร้องยุทธวิธีที่ชัดเจนที่มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กัน
ผู้ที่สนับสนุนชาวคอมมิวนิสต์ได้ประกาสตนในการเข้าร่วมกับพรรคเอกภาพประชาชน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันมีเพียงการตัดสินใจที่ถูกต้องเท่านั้น เรามีความเชื่อมั่นว่าชาวคอมมิวนิสต์จะสรรค์สร้างกำลังของตนต่อไป ปลุกเร้าและให้การศึกษาแก่บรรดาผู้ปฏิบัติงานให้มีความสามารถที่จะพัฒนาการปฏิวัติของกรีซให้เติบใหญ่ขึ้นต่อไป
อลัน วูดส์ ลอนดอน London 21 สิงหาคม 2015.