กงสุลไทยถูกโจมตีที่ตุรกี...การการยั่วยุครั้งล่าสุดในสงครามตัวแทน
สหรัฐฯ-จีน
โดย
Tony Catalucci
ฝูงม็อบที่โบกธงสีฟ้าขาวของรัฐ “เตอรกีสถานตะวันออก”
ที่ถูกสร้างขึ้นปัจจุบันตั้งอยู่ที่มณฑลซินเกียง
ของจีน
ได้ทำการโจมตีบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของสถานกงสุลไทยในกรุงอิสตันบูล
ประเทศตุรกี การโจมตีได้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ส่งชาวอุยกูร์สัญชาติจีนในไทยไปยังตุรกีหรือจีนขึ้นอยู่กับการพิสูจน์สัญชาติ
หนังสือพิมพ์ บางกอก โพสต์ ได้รายงานเรื่อง “สถานกงสุลถูกโจมตีในตุรกี”
ว่า ....มีรายงานว่าฝูงชนได้รวมตัวกันที่หน้าสถานกงสุลในเวลาประมาณ 11.00น.ตามเวลาท้องถิ่น
(เวลาในประเทศไทยบ่าย 3 โมง)
ทันใดนั้นเหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปเป็นความรุนแรง ฝูงชนได้พังรั้วและบุกเข้าไปในตัวอาคาร
ทุบกระจกหน้าต่างและชักธงไทยลงมา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ทำการสลายฝูงชนและมีรายงานว่า
.. ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
กำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มาถึงที่เกิดเหตุภายหลังที่ฝูงชนได้ทำการบุกเข้าไปแล้ว
และได้ทำการสลายฝูงชนที่มีการจัดตั้งอย่างดี
เป็นที่เข้าใจได้ว่า..
ทำไมกำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวเตอรกีถึงได้อนุญาตให้มีการโจมตีสถานกงสุลไทยดำเนินต่อไป ต้องมีการรู้เห็นต่อบทบาทของชาวอุยกูร์ด้วย ทั้งตุรกีและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯเองต้องการบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงในประเทศจีนและต้องการสร้างพลวัตในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ของไทยโดยดึงเข้ามาในเกม
อีริค
เดรทสเตอร์ ได้วิเคราะห์ในด้านภูมิศาสตร์การเมืองในหัวข้อ
“ตุรกี,ลัทธิก่อการร้าย,และสง ครามตัวแทนทั่วโลก” ได้ให้รายละเอียดถึงบทบาทของตุรกีว่าเป็นผู้สนับสนุนเครือข่ายการก่อการร้ายขนาดใหญ่ของโลกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของสหรัฐในการขยายอำนาจไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอุยกูร์ก็คือเครือข่ายการดำเนินงานโดยตุรกีเชื่อมไปยังจีนโดยตรงโดยผ่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังตะวันออกกลาง โดยปฏิบัติการเคลื่อนย้ายนักรบชาวอุยกูร์เข้าและออกจากสนามรบต่างๆรวมไปถึงซีเรียที่ชาวอุยรกูร์ได้เข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มก่อการร้าย
ไอซิส
เขายังชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐโดยตั้งกองทุนขนาดใหญ่
และหนุนช่วยทางการการเมืองให้แก่กลุ่มแยกดินแดนใน มณฑลซินเกียงของจีน โดยผ่าน เวปไซต์ กองทุนเพื่อประชาธิป ไตยแห่งชาติ ( National Endowment for Democracy /
NED) ที่ใช้ชื่อ
“เตอรกีสถานตะวันออก” ซึ่งเป็นเพียงรัฐกำมะลอ ที่เกี่ยวโยงไปถึงการแยกดินแดนซินเกียงของจีน ธงที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐที่ว่านี้มีรูปดาวและเดือนเสี้ยวบนพื้นธงสีฟ้าเหมือนกับธงที่ฝูงชนใช้ในการโจมตีสถานกงสุลไทย เวปไซต์นี้มีการเขียนและลบอยู่เป็นประจำ
และในเวลาที่ผ่านมาได้มีองค์กรต่างๆได้บริจาคเงินเพื่อปฏิบัติการในมณฑลซินเกียงของจีนเช่น
มูลนิธิสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยชาวอุยกูร์ระหว่างประเทศ 187,918
ดอลลาร์ เพื่อสนับ สนุนและยกระดับสถานะภาพด้านสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยที่เป็นสตรีและเด็กชาวอุยกูร์ เวปไซต์ของมูลนิธิ มีทั้งภาษาอังกฤษและอุยกูร์
สมคมนักเขียนชาวอุยกูร์ระหว่างประเทศ
บริจาค45,000 ดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ในการแสดงออกของชาวอุยกูร์ เวปไซต์ขององค์กรจะเสนอเรื่องงานหนังสือ บทความ ที่ถูกสั่งห้ามของนักเขียน กวี
นักประวัติศาสตร์ นักหนังสือพิมพ์
และอื่นๆ สมาคมนักเขียนอุยกูร์ได้ดำเนินการรณณรงค์ในทางสากลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนของนักเขียนที่ถูกจำคุก
สมาคมชาวอเมริกัน-อุยกูร์ บริจาค 280,000
ดอลลาร์ เพื่อเฝ้ามองปัญหาสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ โดยสมาคมมีโครงงานเรื่องสิทธิมนุษยชน เช่นการวิจัย
รวบรวมเอกสารหลักฐาน
เพื่อนำไปสู่ความสนใจในทางสากล
เป็นอิสระในการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีผลกระทบต่อประชาชนเชื้อสายเติร์กในเขตปกครองตนเองซินเกียง
ประเทศจีน
สภาชาวอุยกูร์โลก บริจาค 185,000 ดอลลาร์ เพื่อยกระดับความสามารถของชาวอุยกูร์กลุ่มที่นิยมประชาธิป
ไตยและผู้นำ ให้มีความเข้าใจในการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพและรณณรงค์ เพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สภาฯจะจัดการให้มีการประชุมขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ที่นิยมระบอบประชาธิปไตยและบรรดาผู้นำในหัวข้อเรื่องปัญหาชนชาติส่วนน้อยในระดับสากลเพื่อนำนำไปสู่การสนับสนุนงานสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์
รายชื่อขององค์กรที่กล่าวมาข้างบนนี้
ถูกใช้เป็นแนวร่วมทางการเมืองขององค์กรก่อการร้ายติดอาวุธที่ ทำการโจมตีจนทำให้ผู้คนเสียชีวิตทั้งในจีนและที่อื่นๆ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตำรวจและพลเรือน รวม ไปถึงกรณืการใช้มีดไล่แทงคนที่สถานีรถไฟคุนหมิงเมื่อปี
2014 หลายองค์กรตามรายชื่อข้างบนนั้นได้ใช้ถ้อยคำแก้ต่างให้กับการโจมตีเช่นว่านั้น
เหมือนกับกองทุน NED
ของสหรัฐที่ได้ดำเนินการในประเทศไทย โดยแอบอยู่เบื้องหลังของสิ่งที่เรียก ว่า
“สิทธิมนุษยชน” และ “ประชาธิปไตย”
ในการสนับสนุนค้ำจุนกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ
โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการรักษาผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่นเลย หากแต่เพื่อความก้าวหน้าของวาระการประชุมของชาติตะวันตกที่มีเป้าหมายใจกลางในการบ่อนทำลายอธิปไตยของชาติต่างๆ และผลักดันภูมิศาสตร์การเมืองและการอ่อนข้อทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนแห่ง
วอลล์สตรีท ลอนดอน และ บรัสเซล
ไม่เป็นที่ประหลาดใจแต่อย่างใดเลยที่องค์กรชนิดเดียวกันนี้ซึ่งมีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังผลประโยชน์ในประเทศไทย ต่างก็ดาหน้าออกมาพูดเกี่ยวกับกรณีของชาวอุยกูร์ด้วยถ้อยคำที่เข้าข้างสหรัฐฯ
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เสนอบทความเรื่อง
“ประเทศไทยบีบบังคับผลักดันชาวอุยกูร์กว่าร้อยคนกลับไปประเทศจีน”
เพื่อทำให้สับสนคลุมเครือในเรื่องความรุนแรงที่กลุ่มแยกดินแดนเหล่านี้ได้มีส่วนร่วม พอๆกับการรับทุนก้อนใหญ่จากสหรัฐฯก่อนจะรายงานข่าว
กลุ่มฝ่ายขวาได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน..กลัวว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่เลวร้ายกระทั่งถูกทรมาน “เป็นเรื่องที่น่าตกใจและสับสนที่ไทยยอมรับการกดดันจากปักกิ่ง” นักวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนชาวไทยคนหนึ่งได้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ คนๆนี้..ว่าที่จริงแล้วก็คือหนึ่งในผู้สนับสนุนฝ่ายขวาไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กร NED เพื่อการปลุกระดมในประ เทศไทย รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในการจับกุมนักศึกษา
14 คนที่ประท้วงรัฐบาล ส่วนที่ร่วมมือและให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่นักวิจัยผู้นี้น่าจะเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำนักหนึ่ง
รวมไปถึงนักวิชาการบางคน องค์กร
NGO ที่ตั้งขึ้นโดยสหรัฐฯ ล้วนแต่ได้รับเงินสนับสนุนจาก NED ทั้งสิ้น
ไทยได้ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนักที่ไม่อนุญาตให้ชาวอุยกูร์ใช้ดินแดนของไทยเป็นทางผ่าน.. ความสัม พันธ์ระหว่างจีน-ไทย ที่เพิ่มสูงขึ้น
ประเทศทั้งสองมีการร่วมมือกันมากมายหลายๆด้านเช่นด้านโครง การสาธารณูประโภคพื้นฐานที่มีศักยภาพ, การจัดซื้อเรือดำน้ำโดยกองทัพเรือไทย สำหรับประชาชนชาวไทยรู้ดีว่าสหรัฐฯ
แทรกแซงกิจการภายในของไทยไปไกลถึงขนาดว่า ใช้คนทรยศปลุกปั่นก่อความไม่สงบ
โดยราดน้ำมันลงไปในสถานการณ์ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ กระทั่งสนับสนุนปฏิบัติการ
จากภายนอกประเทศและภายในบริเวณพรมแดนของไทย
รวมไปถึงการแสดงบทบาทของสหรัฐฯที่พยายามจะใช้ไทยเป็นที่อำนวยความสะดวกในกิจกรรมในต่างประเทศของตน ที่สำคัญที่สุดก็คือการบ่อนทำลายประเทศจีนรวมไปถึงการสนับสนุนระบอบก่อการร้ายในตะวันออกกลาง
สหรัฐฯได้แสดงออกอย่างเปิดเผยมากขึ้นถึงความจำเป็นในการทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตเหล่า
นี้ ด้วยความพยายามขยายความขัดแย้งกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้
และเพิ่มความพยายามที่จะให้เกิดความไม่มั่นคงในประเทศไทย
โดยสร้างความปั่นป่วนในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยทั้งภายในและภายนอก
การโจมตีสถานกงสุลไทยในตุรกีโดยกลุ่มชนที่โบกธง ตุรกีสถานตะวันออก
ที่สหรัฐฯสนับสนุนนั้นก็เท่า กับว่าเป็นการกระทำของสหรัฐฯโดยตรง
พันธมิตรชาวตุรกีของสหรัฐฯอเมริกาที่จัดตั้งกันมาอย่างดี
ได้ทำการโจมตีและแยกย้ายสลายตัวกันไป
มีเจตนาที่จะส่งสัญญาณจากวอชิงตันถึงกรุงเทพฯ
ว่า...การขัดขวางความเป็นเจ้าของตะวันตกนั้น..น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของใครบางคน
ประวัติศาสตร์ยังคงพิสูจน์ว่า การยอมจำนนต่ออำนาจความเป็นใหญ่ของตะวันตกนั้นเป็นอันตรายแค่ไหน?
บางทีอาจจะหนักกว่านี้
ความสัมพันธ์ของไทย-จีนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นได้ยืนยันถึงความเข้าใจร่วมกันว่า
ความพยายามที่จะอยู่ร่วมกับตะวันตกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นจากการครอบงำ “การอยู่ร่วมกัน” ในความคิดของพวกเขานั้น คือต้องการให้ตะวันออกยอมสยบต่อพวกเขาโดยสิ้นเชิงทั้งในด้านอธิปไตยด้วย
No comments:
Post a Comment