Sunday, August 16, 2015

กงสุลไทยถูกโจมตีที่ตุรกี...

กงสุลไทยถูกโจมตีที่ตุรกี...การการยั่วยุครั้งล่าสุดในสงครามตัวแทน สหรัฐฯ-จีน
โดย Tony    Catalucci
ฝูงม็อบที่โบกธงสีฟ้าขาวของรัฐ “เตอรกีสถานตะวันออก”  ที่ถูกสร้างขึ้นปัจจุบันตั้งอยู่ที่มณฑลซินเกียง  ของจีน      ได้ทำการโจมตีบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของสถานกงสุลไทยในกรุงอิสตันบูล   ประเทศตุรกี     การโจมตีได้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ส่งชาวอุยกูร์สัญชาติจีนในไทยไปยังตุรกีหรือจีนขึ้นอยู่กับการพิสูจน์สัญชาติ
                                                 
หนังสือพิมพ์ บางกอก โพสต์  ได้รายงานเรื่อง “สถานกงสุลถูกโจมตีในตุรกี” ว่า ....มีรายงานว่าฝูงชนได้รวมตัวกันที่หน้าสถานกงสุลในเวลาประมาณ 11.00น.ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาในประเทศไทยบ่าย 3 โมง)   ทันใดนั้นเหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปเป็นความรุนแรง    ฝูงชนได้พังรั้วและบุกเข้าไปในตัวอาคาร ทุบกระจกหน้าต่างและชักธงไทยลงมา      หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ทำการสลายฝูงชนและมีรายงานว่า .. ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

กำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้มาถึงที่เกิดเหตุภายหลังที่ฝูงชนได้ทำการบุกเข้าไปแล้ว และได้ทำการสลายฝูงชนที่มีการจัดตั้งอย่างดี   เป็นที่เข้าใจได้ว่า.. ทำไมกำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวเตอรกีถึงได้อนุญาตให้มีการโจมตีสถานกงสุลไทยดำเนินต่อไป  ต้องมีการรู้เห็นต่อบทบาทของชาวอุยกูร์ด้วย  ทั้งตุรกีและกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯเองต้องการบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงในประเทศจีนและต้องการสร้างพลวัตในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ของไทยโดยดึงเข้ามาในเกม

อีริค  เดรทสเตอร์  ได้วิเคราะห์ในด้านภูมิศาสตร์การเมืองในหัวข้อ  “ตุรกี,ลัทธิก่อการร้าย,และสง ครามตัวแทนทั่วโลก” ได้ให้รายละเอียดถึงบทบาทของตุรกีว่าเป็นผู้สนับสนุนเครือข่ายการก่อการร้ายขนาดใหญ่ของโลกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของสหรัฐในการขยายอำนาจไปทั่วโลก   โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอุยกูร์ก็คือเครือข่ายการดำเนินงานโดยตุรกีเชื่อมไปยังจีนโดยตรงโดยผ่านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังตะวันออกกลาง   โดยปฏิบัติการเคลื่อนย้ายนักรบชาวอุยกูร์เข้าและออกจากสนามรบต่างๆรวมไปถึงซีเรียที่ชาวอุยรกูร์ได้เข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มก่อการร้าย ไอซิส

 เขายังชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐโดยตั้งกองทุนขนาดใหญ่ และหนุนช่วยทางการการเมืองให้แก่กลุ่มแยกดินแดนใน มณฑลซินเกียงของจีน  โดยผ่าน เวปไซต์   กองทุนเพื่อประชาธิป  ไตยแห่งชาติ ( National Endowment for Democracy / NED) ที่ใช้ชื่อ “เตอรกีสถานตะวันออก” ซึ่งเป็นเพียงรัฐกำมะลอ ที่เกี่ยวโยงไปถึงการแยกดินแดนซินเกียงของจีน     ธงที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐที่ว่านี้มีรูปดาวและเดือนเสี้ยวบนพื้นธงสีฟ้าเหมือนกับธงที่ฝูงชนใช้ในการโจมตีสถานกงสุลไทย   เวปไซต์นี้มีการเขียนและลบอยู่เป็นประจำ    และในเวลาที่ผ่านมาได้มีองค์กรต่างๆได้บริจาคเงินเพื่อปฏิบัติการในมณฑลซินเกียงของจีนเช่น

มูลนิธิสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยชาวอุยกูร์ระหว่างประเทศ 187,918 ดอลลาร์   เพื่อสนับ สนุนและยกระดับสถานะภาพด้านสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยที่เป็นสตรีและเด็กชาวอุยกูร์  เวปไซต์ของมูลนิธิ  มีทั้งภาษาอังกฤษและอุยกูร์ 

สมคมนักเขียนชาวอุยกูร์ระหว่างประเทศ บริจาค45,000 ดอลลาร์    เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ในการแสดงออกของชาวอุยกูร์      เวปไซต์ขององค์กรจะเสนอเรื่องงานหนังสือ  บทความ ที่ถูกสั่งห้ามของนักเขียน    กวี   นักประวัติศาสตร์  นักหนังสือพิมพ์ และอื่นๆ    สมาคมนักเขียนอุยกูร์ได้ดำเนินการรณณรงค์ในทางสากลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนของนักเขียนที่ถูกจำคุก 

สมาคมชาวอเมริกัน-อุยกูร์ บริจาค 280,000 ดอลลาร์   เพื่อเฝ้ามองปัญหาสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์   โดยสมาคมมีโครงงานเรื่องสิทธิมนุษยชน  เช่นการวิจัย   รวบรวมเอกสารหลักฐาน   เพื่อนำไปสู่ความสนใจในทางสากล   เป็นอิสระในการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีผลกระทบต่อประชาชนเชื้อสายเติร์กในเขตปกครองตนเองซินเกียง ประเทศจีน

สภาชาวอุยกูร์โลก บริจาค 185,000 ดอลลาร์    เพื่อยกระดับความสามารถของชาวอุยกูร์กลุ่มที่นิยมประชาธิป ไตยและผู้นำ   ให้มีความเข้าใจในการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพและรณณรงค์  เพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย         สภาฯจะจัดการให้มีการประชุมขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ที่นิยมระบอบประชาธิปไตยและบรรดาผู้นำในหัวข้อเรื่องปัญหาชนชาติส่วนน้อยในระดับสากลเพื่อนำนำไปสู่การสนับสนุนงานสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์

รายชื่อขององค์กรที่กล่าวมาข้างบนนี้    ถูกใช้เป็นแนวร่วมทางการเมืองขององค์กรก่อการร้ายติดอาวุธที่ ทำการโจมตีจนทำให้ผู้คนเสียชีวิตทั้งในจีนและที่อื่นๆ   โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตำรวจและพลเรือน  รวม ไปถึงกรณืการใช้มีดไล่แทงคนที่สถานีรถไฟคุนหมิงเมื่อปี 2014    หลายองค์กรตามรายชื่อข้างบนนั้นได้ใช้ถ้อยคำแก้ต่างให้กับการโจมตีเช่นว่านั้น

เหมือนกับกองทุน NED ของสหรัฐที่ได้ดำเนินการในประเทศไทย โดยแอบอยู่เบื้องหลังของสิ่งที่เรียก ว่า “สิทธิมนุษยชน” และ “ประชาธิปไตย”   ในการสนับสนุนค้ำจุนกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ  โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการรักษาผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่นเลย      หากแต่เพื่อความก้าวหน้าของวาระการประชุมของชาติตะวันตกที่มีเป้าหมายใจกลางในการบ่อนทำลายอธิปไตยของชาติต่างๆ   และผลักดันภูมิศาสตร์การเมืองและการอ่อนข้อทางเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนแห่ง วอลล์สตรีท  ลอนดอน  และ บรัสเซล     ไม่เป็นที่ประหลาดใจแต่อย่างใดเลยที่องค์กรชนิดเดียวกันนี้ซึ่งมีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังผลประโยชน์ในประเทศไทย   ต่างก็ดาหน้าออกมาพูดเกี่ยวกับกรณีของชาวอุยกูร์ด้วยถ้อยคำที่เข้าข้างสหรัฐฯ

สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เสนอบทความเรื่อง “ประเทศไทยบีบบังคับผลักดันชาวอุยกูร์กว่าร้อยคนกลับไปประเทศจีน”   เพื่อทำให้สับสนคลุมเครือในเรื่องความรุนแรงที่กลุ่มแยกดินแดนเหล่านี้ได้มีส่วนร่วม   พอๆกับการรับทุนก้อนใหญ่จากสหรัฐฯก่อนจะรายงานข่าว       กลุ่มฝ่ายขวาได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน..กลัวว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่เลวร้ายกระทั่งถูกทรมาน   “เป็นเรื่องที่น่าตกใจและสับสนที่ไทยยอมรับการกดดันจากปักกิ่ง”  นักวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนชาวไทยคนหนึ่งได้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์        คนๆนี้..ว่าที่จริงแล้วก็คือหนึ่งในผู้สนับสนุนฝ่ายขวาไทย   ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กร NED  เพื่อการปลุกระดมในประ เทศไทย  รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในการจับกุมนักศึกษา 14 คนที่ประท้วงรัฐบาล     ส่วนที่ร่วมมือและให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่นักวิจัยผู้นี้น่าจะเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำนักหนึ่ง  รวมไปถึงนักวิชาการบางคน       องค์กร NGO ที่ตั้งขึ้นโดยสหรัฐฯ  ล้วนแต่ได้รับเงินสนับสนุนจาก NED  ทั้งสิ้น  

ไทยได้ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนักที่ไม่อนุญาตให้ชาวอุยกูร์ใช้ดินแดนของไทยเป็นทางผ่าน..  ความสัม พันธ์ระหว่างจีน-ไทย ที่เพิ่มสูงขึ้น    ประเทศทั้งสองมีการร่วมมือกันมากมายหลายๆด้านเช่นด้านโครง    การสาธารณูประโภคพื้นฐานที่มีศักยภาพ, การจัดซื้อเรือดำน้ำโดยกองทัพเรือไทย      สำหรับประชาชนชาวไทยรู้ดีว่าสหรัฐฯ แทรกแซงกิจการภายในของไทยไปไกลถึงขนาดว่า  ใช้คนทรยศปลุกปั่นก่อความไม่สงบ โดยราดน้ำมันลงไปในสถานการณ์ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ    กระทั่งสนับสนุนปฏิบัติการ จากภายนอกประเทศและภายในบริเวณพรมแดนของไทย     รวมไปถึงการแสดงบทบาทของสหรัฐฯที่พยายามจะใช้ไทยเป็นที่อำนวยความสะดวกในกิจกรรมในต่างประเทศของตน    ที่สำคัญที่สุดก็คือการบ่อนทำลายประเทศจีนรวมไปถึงการสนับสนุนระบอบก่อการร้ายในตะวันออกกลาง
สหรัฐฯได้แสดงออกอย่างเปิดเผยมากขึ้นถึงความจำเป็นในการทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตเหล่า นี้      ด้วยความพยายามขยายความขัดแย้งกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้    และเพิ่มความพยายามที่จะให้เกิดความไม่มั่นคงในประเทศไทย โดยสร้างความปั่นป่วนในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยทั้งภายในและภายนอก
การโจมตีสถานกงสุลไทยในตุรกีโดยกลุ่มชนที่โบกธง ตุรกีสถานตะวันออก ที่สหรัฐฯสนับสนุนนั้นก็เท่า กับว่าเป็นการกระทำของสหรัฐฯโดยตรง    พันธมิตรชาวตุรกีของสหรัฐฯอเมริกาที่จัดตั้งกันมาอย่างดี ได้ทำการโจมตีและแยกย้ายสลายตัวกันไป   มีเจตนาที่จะส่งสัญญาณจากวอชิงตันถึงกรุงเทพฯ ว่า...การขัดขวางความเป็นเจ้าของตะวันตกนั้น..น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของใครบางคน
ประวัติศาสตร์ยังคงพิสูจน์ว่า   การยอมจำนนต่ออำนาจความเป็นใหญ่ของตะวันตกนั้นเป็นอันตรายแค่ไหน? บางทีอาจจะหนักกว่านี้   ความสัมพันธ์ของไทย-จีนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นได้ยืนยันถึงความเข้าใจร่วมกันว่า ความพยายามที่จะอยู่ร่วมกับตะวันตกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นจากการครอบงำ     “การอยู่ร่วมกัน” ในความคิดของพวกเขานั้น     คือต้องการให้ตะวันออกยอมสยบต่อพวกเขาโดยสิ้นเชิงทั้งในด้านอธิปไตยด้วย


No comments:

Post a Comment